สาวโพสต์เตือนภัย เจอแท็กซี่พูดจากแทะโลม แถมคิดเงินค่ารถเกินจริง

       เจอแท็กซี่พูดจากแทะโลม  เมื่อที่ 22 เดือนกันยายนปีพศ 2564 ได้หญิงสาวรายหนึ่งได้มีการโพสต์เตือนภัยผ่านทาง facebook ส่วนตัวและมีการถูกแชร์ไปเป็นจำนวนมากโดยโพสต์นี้ถูกแชร์มากในจังหวัดสมุทรปราการโดยหญิงสาวคนดังกล่าวระบุว่าในช่วงเวลาเย็นที่เธอกำลังกลับบ้านเธอได้มีการเรียกรถแท็กซี่ตรงใต้สถานีรถไฟฟ้า บีทีเอส 

       หลังจากที่เธอขึ้นรถแท็กซี่แล้วปรากฏว่าเธอสังเกตเห็นว่าคนขับรถไม่ได้ศูนย์หน้ากากอนามัยแต่เธอเห็นว่าระยะจากทางที่เธอขึ้นรถแท็กซี่ไปถึงบ้านเธอนั้นห่างกันเพียงแค่ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น

เธอจึงไม่ได้ติดใจเพราะตัวเธอเองนั้นใส่หน้ากากอนามัยอยู่แล้วแต่ระหว่างทางที่ขับรถไปส่งเธอนั้นแท็กซี่มักจะพูดจาแทะโลมเธอเป็นเชิงจีบนอกจากนี้ยังขอเรียกเก็บค่าโดยสารเธอ 60 บาทโดยอ้างกับเธอว่าจะต้องมีการจ่ายเงินให้กับวินในซอยบ้านเธออีกด้วย

       อย่างไรก็ตามเมื่อไปถึงบริเวณหน้าบ้านของเธอปรากฏว่ามิเตอร์ขึ้นเพียงแค่ 47 บาทเท่านั้นแต่ทางแท็กซี่เขาเรียกเก็บเงินเธอ 100 บาทโดยให้เหตุผลว่าเขาเป็นแท็กซี่ Uber  อย่างไรก็ตามหญิงสาวคนดังกล่าวได้มีการถ่ายภาพทะเบียนรถและอัดคลิปไว้ในระหว่างเหตุการณ์ที่อยู่บนรถแล้ว

นำหลักฐานดังกล่าวเข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภายหลัง  ซึ่งหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งเหตุก็ติดตามคนขับและแท็กซี่คนดังกล่าวมาพูดคุยโดยคนขับรถแท็กซี่ได้เดินทางมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมกับแม่ของเขาซึ่งหลังจากที่เขาเห็นคลิปแล้วเขาก็รับกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าชายในคลิปนั้นคือเขาเอง

และให้เหตุผลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าเขาเพียงแค่ผู้จีบเฉยๆโดยหวังว่าหญิงสาวจะให้ทิปและเขาไม่ได้มีเจตนาร้ายนอกจากนี้ที่เรียกเงินเพิ่มและไม่ได้มีการทอนเงินให้ลูกค้า

เพราะว่าเขาต้องการเงินเนื่องจากว่าตอนนี้เขาไม่มีเงินติดตัวและน้ำมันรถใกล้จะหมดแล้วจึงต้องการเอาเงินไปเติมน้ำมันนอกจากนี้แท็กซี่รายดังกล่าวยังระบุด้วยว่าตัวเขาเองนั้นเป็นหลานชายของบิ๊กป้อม

อย่างไรก็ตามแม่ของแท็กซี่รายดังกล่าวได้ให้ข้อมูลกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าลูกชายของเธอนั้นมีอาการผิดปกติทางด้านสมองเนื่องจากว่าสมัยตอนที่ยังเป็นวัยรุ่นนั้นมีการทะเลาะวิวาทและถูกกลุ่มวัยรุ่นด้วยกันใช้ไม้ตีศีรษะได้รับบาดเจ็บกระทบกระเทือนที่หัวถึง 2 ครั้งด้วยกัน

ทำให้ลูกชายของเธอจะมี 2 บุคลิกที่แตกต่างกันและเธอไม่สามารถที่จะควบคุมพฤติกรรมของลูกชายของเธอได้    เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการดำเนินคดีเกี่ยวกับความผิดพรบรถยนต์และมีการเรียกเก็บค่าปรับเป็นจำนวน 1,000 บาท 

ส่วนเรื่องการลงโทษจากกรมขนส่ง ต้องรอให้กรมขนส่งตรวจสอบและทำการลงโทษตามความผิดอีกครั้งหนึ่งและถ้าหากเช็คได้ว่าผิดปกติทางสมองจริง จะมีการเพิกถอนการอนุญาติการขับรถ

 

สนับสนุนเรื่องราวโดย. แจ้งฝาก-ถอน ufabet